PSG ยุคใหม่ภายใต้หลุยส์ เอ็นริเก้
หลุยส์ เอ็นริเก้ พาเปแอสเชเข้าสู่รอบชิงด้วยทีมพลังหนุ่มที่เต็มไปด้วยความกล้าแสดงออก แทนที่ซูเปอร์สตาร์จอมอีโก้อย่างในอดีต การสร้างทีมที่เน้นความสามัคคีและทำงานหนัก กลับทำให้ทีมจากลีกเอิงดูน่าชื่นชมกว่าที่เคย

ดาวรุ่งอย่าง เดซีเร่ ดูเอ้ วัย 19 ปี, แบรดลีย์ บาร์โกลา และ ควิชา ควารัตสเคเลีย ต่างเฉิดฉายในเวทียุโรป ขณะที่ อุสมาน เดมเบเล่ ก็คืนฟอร์มสุดยอดด้วย 33 ประตูในทุกรายการ “เราต้องปิดจ็อบนี้ เพราะเป้าหมายของเราคือการสร้างประวัติศาสตร์” เอ็นริเก้กล่าวก่อนเกม

จากทีมที่เคยพลาดแชมป์เมื่อ 5 ปีก่อนในยุคของทูเคิล เปแอสเชวันนี้เปลี่ยนโฉมจนเกือบไม่เหลือเค้าเดิม และพร้อมไล่ล่าความสำเร็จในยุโรปเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กาตาร์เข้ามาบริหารเมื่อปี 2011

อินเตอร์กับความเก๋าแบบอิตาเลียน
ในอีกมุม อินเตอร์ มิลาน ภายใต้การคุมทีมของ ซิโมเน่ อินซากี นำความเก๋าและประสบการณ์มาสู้ โดยเฉลี่ยอายุผู้เล่นตัวจริงอยู่ที่ราว 31 ปี แต่เต็มไปด้วยพลังใจและวินัยอันยอดเยี่ยม

เลาตาโร่ มาร์ติเนซ และ มาร์คุส ตูราม เป็นหัวหอกที่อันตราย ขณะที่กองกลางอย่าง เฮนริค มคิทาร์ยาน และแนวรับอย่าง ฟรานเชสโก้ อแชร์บี้ วัย 37 ปี ยังเล่นได้อย่างน่าทึ่ง อินเตอร์ชุดนี้ไม่ได้เล่นแบบตั้งรับสุดขั้วเหมือนยุคมูรินโญ่ แต่ยังมีจังหวะจู่โจมที่เฉียบคมไม่แพ้ใคร

อินซากีเองกล่าวว่า “เราต้องมีสมาธิและความมุ่งมั่น แต่ไม่ใช่ความหมกมุ่น เราต้องเล่นอย่างอิสระและเตรียมตัวให้ดีที่สุด”

แม้พ่ายแมนฯ ซิตี้ในรอบชิงเมื่อสองปีก่อน แต่ครั้งนี้อินเตอร์มาพร้อมทีมสมบูรณ์แบบเต็มร้อยเป็นครั้งที่สี่ของฤดูกาล

เกมแห่งยุคสมัยต่างกัน

แม้มีแฟนบอลของแต่ละทีมเพียง 18,000 คนในสนาม แต่ในปารีสมีการเตรียมการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด โดยแฟน PSG ราว 55,000 คน เตรียมรับชมเกมผ่านจอขนาดยักษ์ที่ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์และโรลังด์ การ์รอส

คืนนี้จะเป็นการตัดสินว่า พลังหนุ่มไร้พรมแดนของ PSG หรือ ความเก๋าแบบเก่าที่ไม่ยอมตายของอินเตอร์ จะได้ชูถ้วยแชมเปียนส์ลีกในค่ำคืนที่มิวนิก